ตอบให้ชัดขึ้นก็คือ มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีภูมิปัญญา
การบริโภคอาหารเพื่อความเติบโตทางกายเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นคงไม่เพียงพอ
มนุษย์ยังต้องการอาหารทางใจ มนุษย์จึงสร้างสรรค์ค์งานศิลปะหลากแขนง
เพื่อสนองความต้องการทางด้านจิตใจของตนและผู้อื่น
วรรณกรรมซึ่งเป็นแขนงหนึ่งของศิลปะจึงมีส่วนช่วยเติมเต็มทางด้านจิตใจให้แก่ผู้อ่าน
ได้มีโอกาสสัมผัสรสอารมณ์หลากหลายที่นักเขียนจำลองมาจากชีวิตจริง
(แม้จะมีการตัดต่อแต่งเติมไปบ้าง)
ในฟากของนักเขียนผู้สร้างงานก็มิได้เนรมิตผลงานขึ้นมาจากความว่างเปล่า
แต่เก็บเอาอารมณ์ ความรู้สึก ที่ได้จากการใช้ชีวิตประจำวันนำมาปรับแต่งเป็นงานเขียนผ่านสายตาและมุมมอง
ตลอดจนทัศนะเฉพาะของตน สื่อสะท้อนไปยังผู้อ่านและสังคม
งานเขียนบางชิ้น นักเขียนบางคน ผลงานของเขาอาจจะมีอิทธิพลต่อแนวคิด
และชีวิตของผู้อ่าน ในลักษณะ "หนังสือบางเล่มเปลี่ยนชีวิตคนบางคน" ได้
(ฟังคล้ายโฆษณา หนังสือ 'พลังแห่งชีวิต' ที่หยิบยืมวาทะนี้มาใช้ได้อย่างเหมาะสมัย)
ในทางกลับกันงานเขียนที่ทรงอิทธิพลดังกล่าวอาจส่งผลให้นักอ่าน (หรือนักเขียน)
บางคนเกิดแรงบันดาลใจสร้างผลงาน 'วรรณกรรม' ของตนขึ้นมาบ้าง
หรือแม้แต่แนวโน้มการใช้ชีวิตของคนในสังคมที่เปลี่ยนไป ก็มีผลต่อ 'เนื้อหา'
และ 'รูปแบบ' ของงานเขียนที่ปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับสมัยได้
ในลักษณะที่สังคม (หรือชีวิตในสังคม) ส่งผลต่อวรรณกรรม
ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากนักเขียนอาศัยวัตถุดิบจากชีวิตในสังคมมาสร้างเป็นงานเขียน
ในลักษณะที่ชีวิตและวรรณกรรมต่างก็เป็นผลสะท้อนซึ่งกันและกันนั้นเอง
ชีวิต และ วรรณกรรม จึงมีความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันโดยนัยนี้ (โชคชัย บัณฑิต)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น